พริก เป็นพืชสวนครัวประเภทหนึ่งที่ให้รสชาติเผ็ด ความเผ็ดมาจากสารชื่อ “แคปไซซิน” ที่มีอยู่มากในบริเวณเยื่อแกนกลางสีขาว (คือส่วนเผ็ดมากที่สุด) ส่วนเปลือกและเมล็ดจะมีสารนี้น้อย แต่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าส่วนเมล็ดและเปลือกคือส่วนที่เผ็ดที่สุด แถมสารชนิดนี้ยังทนทานต่อความร้อนและความเย็นได้ดี ทำให้ไม่ว่าจะนำมาต้มให้สุกหรือแช่แข็ง พริกก็ยังให้รสชาติเผ็ดร้อนอยู่ดี ในประเทศไทย จะแบ่งพริกเป็น 2 กลุ่ม คือ “กลุ่มพริกผลใหญ่” กับ “กลุ่มพริกผลเล็ก”
ประโยชน์และสรรพคุณ
- ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ สารแคปไซซินในพริกมีสาร thermogenic ที่ก่อความร้อนในร่างกาย ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายได้ดี
- ช่วยให้เจริญอาหาร ทำให้ต่อมน้ำลายทำงานมากขึ้น จนไปกระตุ้นปลายประสาทรับรู้ความอยากอาหาร
- บำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอและวิตามินซีอยู่ค่อนข้างมาก
- ช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น ที่เราทานพริกแล้วจะมีอาการน้ำมูก น้ำตาไหล เป็นการช่วยลดปริมาณน้ำมูก และสิ่งกีดขวางในทางเดินระบบหายใจ ทำให้จมูกโล่ง ลดอาการคัดจมูก
- ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น สารแคปไซซินสามารถยับยั้งการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ได้ดี ช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรงขึ้น
- ควบคุมคอเลสเตอรอล คือ ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีให้คงที่ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี
- ป้องกันโรคโลหิตจาง พริกมีธาตุเหล็กอยู่พอสมควร รวมถึงยังมีทองแดงที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีกรดโฟลิกที่ช่วยเสริมให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแข็งแรง
- ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง วิตามินซีในพริกยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร เบต้าแคโรทีนลดอัตราการกลายพันธุ์ของเซลล์ และทำลายเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดและมะเร็งช่องปาก
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ละลายลิ่มเลือด ให้เลือดไม่จับตัวเป็นก้อน จนอุดตันหลอดเลือด